ประวัติ Layne Staley เลย์น สตาลีย์
https://www.youtube.com/watch?v=jK2tvgO5w10&t=55s
ประวัติ Layne Staley เลย์น สตาลีย์ thaigers studios...
1
ย้อนกลับไปในปี1987 ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างปลายยุค80และต้นยุค90เป็นช่วงเวลาที่แนวดนตรีร็อคแฮร์แบนด์ที่ครองใจวัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนั้นมานานนับทศวรรษ ถึงคราวต้องเดินมาสุดทาง เมื่อมีกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง ใช้แนวดนตรีแบบใหม่เป็นใบเบิกทางในการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย พร้อมถีบส่งกระแสนิยมแบบเก่าที่กินเวลามาเนิ่นนานไว้เป็นเพียงแค่อดีต วัยรุ่นยุคใหม่กำลังพร้อมใจพากันกระโดดเข้าสู่ยุคอัลเทอรเนทีฟ กับแนวเพลงแบบใหม่ที่เรียกว่ากร้๊นจ์ร็อก และมีศิลปินมากมายเรียงหน้าพากันแจ้งเกิดโด่งดังประสบความสำเร็จกับแนวเพลงนี้ ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของซีแอตเทิลซาวด์อย่างแท้จริง และวงดนตรีหนึ่งในนั้นคือ วง Alice in Chains โดยวันนี้ผมจะมาพูดถึงนักร้องนำของวงนี้ครับ
2
Layne Staley เกิด เมื่อปี1967 เป็นนักดนตรีชาวอเมริกัน เจ้าของเสียงที่แสนเศร้า แม้การร้องของเขาจะเต็มไปด้วยการแผดเสียงออกมาอย่างก้าวร้าวไม่ต่างกับการตะโกนร้องของวิญญาณที่บ้าคลั่ง แต่ในวิญญาณที่บ้าคลั่งนั้น กลับมีเสียงร้องไห้อย่างเศร้าโศกของเด็กชายตัวน้อยเจืออยู่ด้วยครับ
Layne เติบโตมาตามรูปแบบมาตราฐานของร็อคเกอร์ในยุค ’90 ที่เต็มไปด้วยความขบทของการใช้ชีวิตในยุคนั้น เขามาจากครอบครัวที่มีปัญหาหย่าร้างของพ่อแม่ พ่อของเขาเสียชีวิตจากยาเสพติด เขาเรียนรู้วิชาการเสพยาจากพ่อบังเกิดเกล้า ราวกับว่าพ่อสอนลูกขับรถ
Laynโตมากับแม่ แต่ข่าวคราวเรื่องการติดยาของพ่อเขาก็ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีคนบอกว่าพ่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เชื่อ และหวังว่า ถ้าเขาดังและมีชื่อเสียงขึ้นมา พ่อคงจะมาหาเขาสักวัน ชีวิตของเขาไม่แตกต่างจากเด็กมีปัญหาทั่วไป ร้ายแรงกว่านั้นปัญหาที่เขาเจออาจมากกว่าเด็กทั่วไปด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยโทษการแยกทางของพ่อแม่ว่าเป็นสาเหตุของการเล่นยาอย่างหนักของเขา
3
เขาเริ่มรวบรวมเพื่อนฝูงเพื่อตั้งวงดนตรี หลังจากเปลี่ยนมาหลายแนว และหลายชื่อ พวกเขาก็มาลงตัวกับชื่อ Alice in Chains ที่มาพร้อมกับแนวดนตรีกรันจ์ และได้ครอบครองโลกยุค ’90
Alice in Chains (อลิซอินเชนส์) เป็นวงดนตรี Grunge หนึ่งใน ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 โดย Jerry CanTrell มือกีต้าร์ และ Layne Staley ร้องนำ แนวเพลงของวงนี้จะเป็นกรันจ์ร็อคหนักหน่วง แต่จะมีความเป็นเฮฟวี่เมทัล รวมถึงอคูสติกรวมอยู่ด้วย พวกเขาประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ในฐานะวงดนตรีที่มีส่วนในการเคลื่อนไหวของเพลงกรันจ์ช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ร่วมกับวงอื่นอย่าง เพิร์ลแจม และซาวด์การ์เดน โดยมี Nirvana เป็นหัวเรือใหญ่ในการนำร่องจุดระเบิดให้กับเพลงกรันจ์ จนดังไปทั่ววงการ และวงแนวเดียวกันอีกหลายวงก็ได้โด่งดังขึ้นมากับกระแสกรันจ์ แต่มีเพียงไม่กี่วงเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดในวงการจนถึงทุกวันนี้ เพราะการเสื่อมความนิยมของแนวเพลงและยุคสมัย จึงทำให้พวกเขาค่อยๆจางหายไปทีละวง
4
ด้วยความที่เป็นช่วงพีคของกระแสกรันจ์ ทำให้พวกเขาฉายแสงอย่างงดงาม แต่ในแสงสว่างนั้น ก็มีเงาแห่งความมืดแอบอิงอยู่ไม่ห่างจากมันนัก เมื่อ Layne มีปัญหาติดยาอย่างรุนแรง แม้อัลบั้มเพลงจะขายดี แต่พวกเขาก็ออกทัวร์ได้น้อยมาก เพราะปัญหาดังกล่าว
ผลงานของวงเดินทางกวาดความสำเร็จจนมาถึงชุดที่3 แต่กลับไม่มีการออกทัวร์ ทำให้คนเริ่มเป็นห่วงเรื่องปัญหายาเสพติดของ Layne มากขึ้น และเขาก็เริ่มจมดิ่งลงเรื่อยๆเพราะเสียใจเรื่องการเสียชีวิตของคู่หมั้นเขา หลังจากต้องสูญเสียคนรักไป เขาไม่ยอมออกไปไหนและเก็บตัวเล่นยาอยู่แต่ในที่พักตลอดเวลา รอบตัวเขาเต็มไปด้วยปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องร่างกายที่ทรุดโทรมผลกระทบจากการใช้ยา การสูญเสียคนรัก และปัญหาเรื่องทรัพย์สินต่างๆของเขาที่เป็นคดีความ และถึงแม้ว่าวง Alice in Chains จะไม่เคยประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย
5
จนวันหนึ่ง เขาออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับถึงปัญหาชีวิตของเขา และรู้ตัวว่าร่างกายของเขานั้นเริ่มไม่ไหวแล้ว จากการใช้ยาเสพติดอย่างหนัก
โดยมีบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย 3 เดือนก่อนการจากไปของเขา ในหนังสือ "Layne Staley: Angry Chair — A Look Inside the Heart and Soul of an Incredible Musician" โดย อาเดรียน่า รูบิโอ นักเขียนชาวอาร์เจนติน่า
"ผมรู้ตัวดีว่าผมกำลังจะตายในไม่ช้านี้ ผมเล่นเฮโรอีนมาเป็นปีๆ ผมไม่ได้อยากจบชีวิตตัวเองแบบนี้เลย ผมรู้แต่ผมไม่มีทางเลือก มันสายเกินไปแล้ว"
"ผมใช้ยาส้นตีนนี่เหมือนกับคุณต้องฉีดอินซูลินรักษาเบาหวานนั่นแหละ ผมต้องเล่นยาเพื่อยืดชีวิตต่อไป ผมไม่ได้เล่นยาเพื่อความสนุกอย่างที่หลายคนคิดนะ ผมรู้ดีว่าผมทำเรื่องผิดมหันต์ที่ไปเริ่มเสพพวกเหี้ยนี่ มันอธิบายยากนะ ตอนนี้ตับผมเริ่มพังแล้ว ผมอ้วกตลอด บางครั้งก็ขี้แตกเต็มกางเกง มันเจ็บปวดเกินกว่าคุณจะรับไหว เป็นความทุกข์ทรมานที่สุดในโลก พวกยาหันกลับมาเล่นงานผมทุกส่วนในร่างกายเลยล่ะ" "อย่าบอกเรื่องนี้ให้สมาชิกวงผมรู้นะ อ่อ แล้วก็พี่สาวผมด้วย แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ" Layne Staley
6
ในยุคที่ดนตรี Grunge หรือ Seattle Sound เฟื่องฟู ถ้าจะพูดถึงความโด่งดังของพวกเขา ก็คงจะน้อยกว่าวง Nirvana หรือวง Pearl Jam ซึ่งต่างก็มีฐานแฟนเพลงเหนียวแน่นอย่างมากมาย แต่ Alice in Chains ก็ถือว่าเป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับวง ดนตรี rock และนักดนตรีรุ่นหลังๆได้ไม่น้อย
กรันจ์ คือแนวเพลงของคนมีปัญหาที่พร้อมจะทำร้ายตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างที่แฟนเพลงแนวนี้ทราบกันดีว่า ยาเสพติด อย่างเฮโรอีน ไม่ได้เป็นของแปลกหน้าสำหรับแวดวงการดนตรีใน Seatle เลยทำให้เราต้องสูญเสียศิลปินยอดฝีมือไปมากมาย อย่าง Andy Wood นักร้องนำวง Mother Love Bone ไปในปี 1990
Kurt Cobain นักร้องวง Nirvana ในปี 1994
และLayne ก็ต่อคิวเดินทางไปตามเพื่อนร่วมรุ่น ด้วยพฤติกรรมการเล่นยาอย่างไม่เพลามือของเขา
หลังจากที่เขาเริ่มติดยาอย่างจริงจัง ก็ถูกแนะนำให้เลิกเพราะกระทบต่อหน้าที่การงาน เขาหมดเงินรักษาอาการบำบัดไปเยอะมาก แต่ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายร่างกายของเขาอ่อนแอลง เลย์นมีอาการไข้สูงและคลื่นไส้อาเจียรตลอดเวลา ทำให้เขาต้องใช้ยาหนักขึ้นทั้งโคเคนและเฮโรอีนพร้อมๆกัน เขาอาศัยยาเสพติดเพื่อลดความทรมานของอาการป่วย สุดท้ายร่างกายของเขารับไม่ไหวจนเสียชีวิตไปในที่สุด
7
ในเดือนเมษายนปี 2002 มีรายงานว่าพบศพ Layne Staley ที่เต็มไปด้วยเฮโรอินและอุปกรณ์เสพยา ในคอนโดที่พักของเขา จากการตรวจสอบพบว่ามีสารเสพติดในกระแสเลือด แพทย์สรุปได้ว่าเขาใช้ยาจนถึงขั้น โอเวอร์โดส หรือ ใช้ยาเกินขนาดจนเสียชีวิต จบชีวิตศิลปินดังของยุค ’90 ไปอีก1คนด้วยการเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดอีกแล้ว ในที่สุดเด็กน้อยแสนเศร้าในร่างผู้ใหญ่ ก็อาจจะได้ไปพบกับพ่อที่เขาตามหามาตลอดชีวิตแล้วก็เป็นได้ ปิดฉากตำนานของเสียงที่มีเอกลักษณ์ของเขาไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ยังมีความบังเอิญอีกอย่างคือ เขาเสียชีวิตในวันที่ 5 เมษายน ซึ่งตรงกับวันที่ Kurt Cobain เสียชีวิตพอดี
8
หลังจากนั้นวงนี้ได้หายไปจากวงการเพลงไปหลายปี Jerry Cantrell มือกีตาร์ได้ออกงานเดี่ยวในช่วงเวลาที่วงเงียบหายไป ต่อมาสมาชิกของวงทั้ง 3 คนได้กลับมารวมตัวกันเพื่อออกทัวร์ และมีนักร้องรับเชิญมากมายผ่านเข้ามา
อย่างไรก็ตามเพื่อนๆของ Staley ยังคงพยายามสานต่อตำนานของ Alice in Chains ที่ควรจะได้รับคำชมมากกว่านี้ หลังจากยุบวงไปช่วงหนึ่ง จนในที่สุดทางวงก็ได้ William DuVall มาเป็นนักร้องนำคนใหม่ และก็ได้ออกอัลบั้ม Black Gives Way to Blue ในปี 2009 ที่กลายเป็นความสำเร็จอย่างงดงามเกินคาด แม้จะขาดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของวงไป แต่ William ก็มาทำหน้าที่แทนได้อย่างลงตัว เสียงโทนการร้องของเขา คล้ายคลึงกับ Staley มาก และยังคงรักษา sound ของความเป็น Alice in Chains เอาไว้ ถึงแม้ว่าแฟนเพลงเก่าๆ บางส่วนจะไม่เห็นด้วย และเสนอว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อวงไปซะ แต่อย่างไรก็ตามก็ได้การตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลงจำนวนมาก ที่อยากจะเห็นและอยากจะให้ทางวงยังคงดำเนินก้าวหน้าต่อไป
9
เสียงกีตาร์ของ Jerry Cantrell ยังคงโดดเด่นเช่นเคย และมันก็เป็นอัลบั้มที่สมควรได้รับคำชมจริงๆ เพลงเด่นๆอย่าง Your Decision และ When The Sun Rose Againก็งดงาม ส่วนเพลงที่หนักหน่วงอย่าง Check My Brain ยังคงแนวเพลงของพวกเขาไว้ได้อย่างดี สานต่อตำนานที่หยุดนี่งไปเกือบ 15 ปีของพวกเขาได้อย่างลงตัว โดยทางวงหวังว่า Layne คงจะมีความสุขในโลกหน้าถ้าได้ฟังอัลบั้มนี้
อย่างไรก็ตาม Alice in Chains เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้วถึง10ครั้ง อัลบั้มล่าสุดของพวกเขาคือ Rainier Fog ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่6 และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลGrammy Awards สาขาอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมปี 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย
ถึงแม้ว่า Layne Staley จากโลกนี้ไปหลายปีแล้ว แต่แฟนเพลงส่วนใหญ่ก็ยังคงจดจำเขาได้ไม่มีวันลืม ในฐานะหนึ่งในขุนพลร็อกที่ร่วมขับเคลื่อนแนวดนตรีและยุคสมัยพร้อมกับวงอื่นๆอีกมากมาย ผมเชื่อว่าหลายคน ยังคงคิดถึงเสียงร้องอันแสนเศร้าภายใต้เสียงกรีดร้องดั่งวิญญาณที่บ้าคลั่งนั้น เสียงของหนึ่งในตำนานวงดนตรีกรั๊นจ์ จากชายที่ชื่อ Layne Staley....
ประวัติ Layne Staley เลย์น สตาลีย์ thaigers studios...
1
ย้อนกลับไปในปี1987 ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างปลายยุค80และต้นยุค90เป็นช่วงเวลาที่แนวดนตรีร็อคแฮร์แบนด์ที่ครองใจวัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนั้นมานานนับทศวรรษ ถึงคราวต้องเดินมาสุดทาง เมื่อมีกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง ใช้แนวดนตรีแบบใหม่เป็นใบเบิกทางในการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย พร้อมถีบส่งกระแสนิยมแบบเก่าที่กินเวลามาเนิ่นนานไว้เป็นเพียงแค่อดีต วัยรุ่นยุคใหม่กำลังพร้อมใจพากันกระโดดเข้าสู่ยุคอัลเทอรเนทีฟ กับแนวเพลงแบบใหม่ที่เรียกว่ากร้๊นจ์ร็อก และมีศิลปินมากมายเรียงหน้าพากันแจ้งเกิดโด่งดังประสบความสำเร็จกับแนวเพลงนี้ ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของซีแอตเทิลซาวด์อย่างแท้จริง และวงดนตรีหนึ่งในนั้นคือ วง Alice in Chains โดยวันนี้ผมจะมาพูดถึงนักร้องนำของวงนี้ครับ
2
Layne Staley เกิด เมื่อปี1967 เป็นนักดนตรีชาวอเมริกัน เจ้าของเสียงที่แสนเศร้า แม้การร้องของเขาจะเต็มไปด้วยการแผดเสียงออกมาอย่างก้าวร้าวไม่ต่างกับการตะโกนร้องของวิญญาณที่บ้าคลั่ง แต่ในวิญญาณที่บ้าคลั่งนั้น กลับมีเสียงร้องไห้อย่างเศร้าโศกของเด็กชายตัวน้อยเจืออยู่ด้วยครับ
Layne เติบโตมาตามรูปแบบมาตราฐานของร็อคเกอร์ในยุค ’90 ที่เต็มไปด้วยความขบทของการใช้ชีวิตในยุคนั้น เขามาจากครอบครัวที่มีปัญหาหย่าร้างของพ่อแม่ พ่อของเขาเสียชีวิตจากยาเสพติด เขาเรียนรู้วิชาการเสพยาจากพ่อบังเกิดเกล้า ราวกับว่าพ่อสอนลูกขับรถ
Laynโตมากับแม่ แต่ข่าวคราวเรื่องการติดยาของพ่อเขาก็ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีคนบอกว่าพ่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เชื่อ และหวังว่า ถ้าเขาดังและมีชื่อเสียงขึ้นมา พ่อคงจะมาหาเขาสักวัน ชีวิตของเขาไม่แตกต่างจากเด็กมีปัญหาทั่วไป ร้ายแรงกว่านั้นปัญหาที่เขาเจออาจมากกว่าเด็กทั่วไปด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยโทษการแยกทางของพ่อแม่ว่าเป็นสาเหตุของการเล่นยาอย่างหนักของเขา
3
เขาเริ่มรวบรวมเพื่อนฝูงเพื่อตั้งวงดนตรี หลังจากเปลี่ยนมาหลายแนว และหลายชื่อ พวกเขาก็มาลงตัวกับชื่อ Alice in Chains ที่มาพร้อมกับแนวดนตรีกรันจ์ และได้ครอบครองโลกยุค ’90
Alice in Chains (อลิซอินเชนส์) เป็นวงดนตรี Grunge หนึ่งใน ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 โดย Jerry CanTrell มือกีต้าร์ และ Layne Staley ร้องนำ แนวเพลงของวงนี้จะเป็นกรันจ์ร็อคหนักหน่วง แต่จะมีความเป็นเฮฟวี่เมทัล รวมถึงอคูสติกรวมอยู่ด้วย พวกเขาประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ในฐานะวงดนตรีที่มีส่วนในการเคลื่อนไหวของเพลงกรันจ์ช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ร่วมกับวงอื่นอย่าง เพิร์ลแจม และซาวด์การ์เดน โดยมี Nirvana เป็นหัวเรือใหญ่ในการนำร่องจุดระเบิดให้กับเพลงกรันจ์ จนดังไปทั่ววงการ และวงแนวเดียวกันอีกหลายวงก็ได้โด่งดังขึ้นมากับกระแสกรันจ์ แต่มีเพียงไม่กี่วงเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดในวงการจนถึงทุกวันนี้ เพราะการเสื่อมความนิยมของแนวเพลงและยุคสมัย จึงทำให้พวกเขาค่อยๆจางหายไปทีละวง
4
ด้วยความที่เป็นช่วงพีคของกระแสกรันจ์ ทำให้พวกเขาฉายแสงอย่างงดงาม แต่ในแสงสว่างนั้น ก็มีเงาแห่งความมืดแอบอิงอยู่ไม่ห่างจากมันนัก เมื่อ Layne มีปัญหาติดยาอย่างรุนแรง แม้อัลบั้มเพลงจะขายดี แต่พวกเขาก็ออกทัวร์ได้น้อยมาก เพราะปัญหาดังกล่าว
ผลงานของวงเดินทางกวาดความสำเร็จจนมาถึงชุดที่3 แต่กลับไม่มีการออกทัวร์ ทำให้คนเริ่มเป็นห่วงเรื่องปัญหายาเสพติดของ Layne มากขึ้น และเขาก็เริ่มจมดิ่งลงเรื่อยๆเพราะเสียใจเรื่องการเสียชีวิตของคู่หมั้นเขา หลังจากต้องสูญเสียคนรักไป เขาไม่ยอมออกไปไหนและเก็บตัวเล่นยาอยู่แต่ในที่พักตลอดเวลา รอบตัวเขาเต็มไปด้วยปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องร่างกายที่ทรุดโทรมผลกระทบจากการใช้ยา การสูญเสียคนรัก และปัญหาเรื่องทรัพย์สินต่างๆของเขาที่เป็นคดีความ และถึงแม้ว่าวง Alice in Chains จะไม่เคยประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย
5
จนวันหนึ่ง เขาออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับถึงปัญหาชีวิตของเขา และรู้ตัวว่าร่างกายของเขานั้นเริ่มไม่ไหวแล้ว จากการใช้ยาเสพติดอย่างหนัก
โดยมีบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย 3 เดือนก่อนการจากไปของเขา ในหนังสือ "Layne Staley: Angry Chair — A Look Inside the Heart and Soul of an Incredible Musician" โดย อาเดรียน่า รูบิโอ นักเขียนชาวอาร์เจนติน่า
"ผมรู้ตัวดีว่าผมกำลังจะตายในไม่ช้านี้ ผมเล่นเฮโรอีนมาเป็นปีๆ ผมไม่ได้อยากจบชีวิตตัวเองแบบนี้เลย ผมรู้แต่ผมไม่มีทางเลือก มันสายเกินไปแล้ว"
"ผมใช้ยาส้นตีนนี่เหมือนกับคุณต้องฉีดอินซูลินรักษาเบาหวานนั่นแหละ ผมต้องเล่นยาเพื่อยืดชีวิตต่อไป ผมไม่ได้เล่นยาเพื่อความสนุกอย่างที่หลายคนคิดนะ ผมรู้ดีว่าผมทำเรื่องผิดมหันต์ที่ไปเริ่มเสพพวกเหี้ยนี่ มันอธิบายยากนะ ตอนนี้ตับผมเริ่มพังแล้ว ผมอ้วกตลอด บางครั้งก็ขี้แตกเต็มกางเกง มันเจ็บปวดเกินกว่าคุณจะรับไหว เป็นความทุกข์ทรมานที่สุดในโลก พวกยาหันกลับมาเล่นงานผมทุกส่วนในร่างกายเลยล่ะ" "อย่าบอกเรื่องนี้ให้สมาชิกวงผมรู้นะ อ่อ แล้วก็พี่สาวผมด้วย แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ" Layne Staley
6
ในยุคที่ดนตรี Grunge หรือ Seattle Sound เฟื่องฟู ถ้าจะพูดถึงความโด่งดังของพวกเขา ก็คงจะน้อยกว่าวง Nirvana หรือวง Pearl Jam ซึ่งต่างก็มีฐานแฟนเพลงเหนียวแน่นอย่างมากมาย แต่ Alice in Chains ก็ถือว่าเป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับวง ดนตรี rock และนักดนตรีรุ่นหลังๆได้ไม่น้อย
กรันจ์ คือแนวเพลงของคนมีปัญหาที่พร้อมจะทำร้ายตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างที่แฟนเพลงแนวนี้ทราบกันดีว่า ยาเสพติด อย่างเฮโรอีน ไม่ได้เป็นของแปลกหน้าสำหรับแวดวงการดนตรีใน Seatle เลยทำให้เราต้องสูญเสียศิลปินยอดฝีมือไปมากมาย อย่าง Andy Wood นักร้องนำวง Mother Love Bone ไปในปี 1990
Kurt Cobain นักร้องวง Nirvana ในปี 1994
และLayne ก็ต่อคิวเดินทางไปตามเพื่อนร่วมรุ่น ด้วยพฤติกรรมการเล่นยาอย่างไม่เพลามือของเขา
หลังจากที่เขาเริ่มติดยาอย่างจริงจัง ก็ถูกแนะนำให้เลิกเพราะกระทบต่อหน้าที่การงาน เขาหมดเงินรักษาอาการบำบัดไปเยอะมาก แต่ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายร่างกายของเขาอ่อนแอลง เลย์นมีอาการไข้สูงและคลื่นไส้อาเจียรตลอดเวลา ทำให้เขาต้องใช้ยาหนักขึ้นทั้งโคเคนและเฮโรอีนพร้อมๆกัน เขาอาศัยยาเสพติดเพื่อลดความทรมานของอาการป่วย สุดท้ายร่างกายของเขารับไม่ไหวจนเสียชีวิตไปในที่สุด
7
ในเดือนเมษายนปี 2002 มีรายงานว่าพบศพ Layne Staley ที่เต็มไปด้วยเฮโรอินและอุปกรณ์เสพยา ในคอนโดที่พักของเขา จากการตรวจสอบพบว่ามีสารเสพติดในกระแสเลือด แพทย์สรุปได้ว่าเขาใช้ยาจนถึงขั้น โอเวอร์โดส หรือ ใช้ยาเกินขนาดจนเสียชีวิต จบชีวิตศิลปินดังของยุค ’90 ไปอีก1คนด้วยการเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดอีกแล้ว ในที่สุดเด็กน้อยแสนเศร้าในร่างผู้ใหญ่ ก็อาจจะได้ไปพบกับพ่อที่เขาตามหามาตลอดชีวิตแล้วก็เป็นได้ ปิดฉากตำนานของเสียงที่มีเอกลักษณ์ของเขาไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ยังมีความบังเอิญอีกอย่างคือ เขาเสียชีวิตในวันที่ 5 เมษายน ซึ่งตรงกับวันที่ Kurt Cobain เสียชีวิตพอดี
8
หลังจากนั้นวงนี้ได้หายไปจากวงการเพลงไปหลายปี Jerry Cantrell มือกีตาร์ได้ออกงานเดี่ยวในช่วงเวลาที่วงเงียบหายไป ต่อมาสมาชิกของวงทั้ง 3 คนได้กลับมารวมตัวกันเพื่อออกทัวร์ และมีนักร้องรับเชิญมากมายผ่านเข้ามา
อย่างไรก็ตามเพื่อนๆของ Staley ยังคงพยายามสานต่อตำนานของ Alice in Chains ที่ควรจะได้รับคำชมมากกว่านี้ หลังจากยุบวงไปช่วงหนึ่ง จนในที่สุดทางวงก็ได้ William DuVall มาเป็นนักร้องนำคนใหม่ และก็ได้ออกอัลบั้ม Black Gives Way to Blue ในปี 2009 ที่กลายเป็นความสำเร็จอย่างงดงามเกินคาด แม้จะขาดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของวงไป แต่ William ก็มาทำหน้าที่แทนได้อย่างลงตัว เสียงโทนการร้องของเขา คล้ายคลึงกับ Staley มาก และยังคงรักษา sound ของความเป็น Alice in Chains เอาไว้ ถึงแม้ว่าแฟนเพลงเก่าๆ บางส่วนจะไม่เห็นด้วย และเสนอว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อวงไปซะ แต่อย่างไรก็ตามก็ได้การตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลงจำนวนมาก ที่อยากจะเห็นและอยากจะให้ทางวงยังคงดำเนินก้าวหน้าต่อไป
9
เสียงกีตาร์ของ Jerry Cantrell ยังคงโดดเด่นเช่นเคย และมันก็เป็นอัลบั้มที่สมควรได้รับคำชมจริงๆ เพลงเด่นๆอย่าง Your Decision และ When The Sun Rose Againก็งดงาม ส่วนเพลงที่หนักหน่วงอย่าง Check My Brain ยังคงแนวเพลงของพวกเขาไว้ได้อย่างดี สานต่อตำนานที่หยุดนี่งไปเกือบ 15 ปีของพวกเขาได้อย่างลงตัว โดยทางวงหวังว่า Layne คงจะมีความสุขในโลกหน้าถ้าได้ฟังอัลบั้มนี้
อย่างไรก็ตาม Alice in Chains เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้วถึง10ครั้ง อัลบั้มล่าสุดของพวกเขาคือ Rainier Fog ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่6 และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลGrammy Awards สาขาอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมปี 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย
ถึงแม้ว่า Layne Staley จากโลกนี้ไปหลายปีแล้ว แต่แฟนเพลงส่วนใหญ่ก็ยังคงจดจำเขาได้ไม่มีวันลืม ในฐานะหนึ่งในขุนพลร็อกที่ร่วมขับเคลื่อนแนวดนตรีและยุคสมัยพร้อมกับวงอื่นๆอีกมากมาย ผมเชื่อว่าหลายคน ยังคงคิดถึงเสียงร้องอันแสนเศร้าภายใต้เสียงกรีดร้องดั่งวิญญาณที่บ้าคลั่งนั้น เสียงของหนึ่งในตำนานวงดนตรีกรั๊นจ์ จากชายที่ชื่อ Layne Staley....
พรย
ตอบลบ